ความสำเร็จของการท่องเที่ยวไทยในต้นการสร้างรายได้ในหลายปีที่ผ่นมา ทำให้รัฐบาลให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวชุมชนในฐานะกลไกและเครื่องมือในการสร้างและกระจายรายไต้แก่รากหญ้าโดยเดินหน้าประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทยอย่างเข้มขัน และหวังว่าจะมีการกระจายผลประโยชน์ไปยังเมืองรองและชุมชนท้องถิ่น
ในขณะที่ทารท่องเที่ยวชุมชนมีผลได้เด่นชัดมากขึ้น โซเชียลมีเตียก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน ชุดโครงการนี้ จะตึกษาความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท่องเที่ยวกับสื่อออนไลน์ และจะประเมินผลได้จากการท่องเที่ยวในระดับครัวเรือนและผลกระทบของการท่องเที่ยวในระดับชุมชนบนพื้นฐานของการวิเคราะห์ด้นบัญชีและการเงิน เพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญในการคัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การใช้งบประมาณสนับสนุนอย่างมีประสิทชิภาพ โดยมี
1) เพื่อศึกษาความด้องการ พฤติกรรม ของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวโดยชุมชนในภาพรวมผ่านการแลกเปลี่ยนบุนโซเชียลเน็ตเริร์ก
2) ศึกษาที่มาและความพึงพอใจการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่พักในโฮมสเตย์ในชุมชนท่องเที่ยวที่เป็นกรณีศึกษา
3) ประเมินผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคมที่ชุมชนที่เกี่ยวข้องได้รับจากการท่องเที่ยว
4) เปรียบเทียบสมรรถนะ (Benchmarking) ชุมชนท่องเที่ยวและศึกษาปัจจัยแห่งความสำเร็จ
โครงการนี้มีโครงการย่อย 2 โครงการ คือ 1) โครงการศึกษาพฤดิกรรมของนักท่องเที่ยวและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของการท่องเที่ยวเพื่อชุมชน และ 2) โครงการศึกษาพฤติกรรมความต้องการท่องเที่ยวชุมชนผ่านโซเซียลมีเดีย การศึกษานี้มีพื้นที่กรณีศึกษาทั้งหมด 21 พื้นที่ โดยมีพื้นที่ในภาคใต้ 1 พื้นที่ พื้นที่ในภาคกลาง 4 พื้นที่พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 พื้นที่ และ 10 พื้นที่เป็นพื้นที่ในภาดเหนือ โดยมีกิจกรรมใน 3 กลุ่มคือ 1) ชุมชนท่องเที่ยวที่มีโฮมสเดย์ 2) ชุมชนที่มีกิจกรรมท่องเที่ยววันเดียว (One Day Tip) และ 3) ชุมชนที่มีผลิคภัณฑ์ชุมชนจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวผลการศึกษา พบว่า ชุมชนท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จมีวิวัฒนาการมาจากวิกฤติที่เกิดขึ้นในชุมชนของตน ซึ่งจำเป็นต้องหาทางเลือกไหมในการสร้างเศรษฐกิจของชุมชน โอกาสทางเศรษฐกิจเมื่อแรกเริ่มเป็นตลาดดูงานขององค์กรปกครองในท้องถิ่น (อปท) แต่ในปัจจุบันได้เริ่มมีวิวัฒนาการไปเป็นตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ประสงค์มาพักผ่อน มีบางชุมชนที่ได้ปรับปรุงมาตรฐานให้สูงกว่ามาตรฐานโฮมสเตย์ของรัฐ
การศึกษาพบว่า ในปัจจุบันชุมชนท่องเที่ยวมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในดันผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงความสามารถในการรองรับและขนาดของตลาด ชุมชนท่องเที่ยวสามารถสร้างสีสันและทางเลือกแก่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ได้ การท่องเที่ยวชุมชนมีเงื่อนไขสำคัญเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จต้องพึ่งทุนประเดิมที่ชุมชนมีอยู่แล้ว ได้แก่ ทำเลที่ตั้งและทุนสังคม ส่วนปัจจัยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันได้แก่ ทุนใหม่ คือ ทุนที่สะสมจากประสบการณ์และความรู้ของแกนนำชุมชนและหัวหน้าชุมชน รวมถึงทุนมนุษย์รุ่นใหม่ที่ลับไปพัฒนท่องเที่ยวชุมชนโดยฉพาะอย่างยิ่งระบบสารสนทศที่คิดต่อกับโลกภายนอกและปัจจัยเร่ง ที่ทำให้ชุมชนเป็นที่จักมากขึ้น ได้แก่ การไต้รับรางวัล กรที่ได้รับประชาสัมพันธ์การออกสื่อโทรทัศน์ หรือประชาสัมพันธ์โดยรัฐ
ผลการศึกษา สามารถสรุปได้ว่า การท่องเทียวชุมชนสมารถสร้งรายได้เสริมให้แก่เศรษฐกิจรากหญ้าได้จริงแต่กระบวนการสร้างความมั่นคงค้นรายได้จะเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างช้า รายได้จากกิจกรรมท่องเที่ยววันเดียว อาหารและผลิตภัณฑ์ชุมชนสร้างรายได้ที่สูงกว่าและจัดการได้ง่ยกว่าโฮมสเตย์ ผู้ลงทุนในโฮมสเตย์ส่วนใหญ่รับรู้กำไรจากโฮมสเตย์เพื่อเทียบกับกำไรที่คำนวณเชิงเศรษฐกิจ เพราะไม่ได้คิดว่าการลงทุนในการก่อสร้างเป็นตันทุน แต่เป็นการสร้างที่พักให้ลูกหลาน การศึกษานี้จะได้คำนวณผลตอบแทนภายใด้โมเดลการลงทุนแบบต่างๆ ส่วนผลกระทบของการท่องเที่ยวชุมชนส่วนใหญ่ยังเป็นบวกอยู่ แต่มีปัญหาขยะที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น
การศึกษาพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวบนสื่อออนไลน์ พบว่านักท่องเที่ยวไทยให้ความสำคัญในเรื่องธรรมชาติ บรรยากาศ อาหาร กาแฟที่ในชุมชนท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจความจริงแท้ (Authenticity) สภาพแวดล้อมของชุมชนและการอนุรักษ์ธรรมชาติของชุมชนการสร้างโปรแกรมท่องเที่ยวในอนาคต จึงควรเน้นกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร กาแฟ บรรยากาศสำหรับการถ่ายรูปและดื่มกาแฟ สำหรับคนไทย สภาพแวดล้อมและความจริงแก้สำหรับคนต่างชาติ อย่างไรก็ดีชุมชนมีข้อจำกัดด้านการรองรับมากโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล การท่องเที่ยวชุมชนในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสายอ่อน
ข้อเสนอแนะที่สำคัญ คือ 1) รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณการจัดการขยะให้แก่ อปท. ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นกิจกรรมวันเดียวที่นักท่องเที่ยวไม่ได้ค้างแรมเนื่องจาก อปท. ไม่สามารถเก็บค่ภาษีโรงแรมได้ 2) รัฐควรสนับสนุนการสร้างสาธารณูปโภคส่วนกลางซึ่งทุกคนในชุมชนไม่เฉพาะแต่ผู้ที่ลงทุนด้านการท่องเที่ยวได้ประโยชน์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว เช่นลานจอดรถ ห้องน้ำ อย่างไรก็ดี การดำเนินการเหล่านี้ ต้องมีแผนชุมชนมารองรับและต้องมาจากความต้องการของชุมชนจากการมีนักท่องเที่ยวเกินกำลังรองรับ และ 3) สร้างแผลดฟอร์มส่วนกลางที่ทำให้ชุมชนสามารถนำข้มูลของตนข้มาเสนอได้ รวมทั้งสามารถจัจำนวนนักท่องเที่ยวว่าได้เกินขีดความสามารถแล้วหรือไม่ เพื่อเป็นการควบคุมผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ตามมา
รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ชุดโครงการ
การศึกษาเศรษฐกิจท่องเที่ยวชุมชอย่างครบวงจร: จากโซเชียลมีเคียถึงชุมชนท่องเที่ยว
โดย
ศ. ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด
รศ. ดร.อรุณี อินทรไพโรจน์
นายอรรถพันธ์ สารวงศ์
Platforms: | Windows 8 |
Category: | ppsi |
License: | Freeware |
วันที่: | พฤษภาคม 3, 2020 |